เดิมทีชาวบ้านเรียกวัดนี้ว่า วัดค้างคาว เพราะสมัยก่อนมีค้างคาวมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันกลับไม่มีหลงเหลือให้ได้เห็นจึงเปลี่ยนชื่อมาเป็นวัดธรรมิการาม ด้วยทำเลที่อยู่ชิดริมฝั่งคลอง สงบ ร่มรื่น จึงใช้เป็นสถานที่ฝึกและปฏิบัติอบรมพระพุทธศาสนาให้แก่นักเรียนและนักศึกษาภายในวัดยังหลงเหลือศาสนาสถานเก่าแก่ให้มากมาย เช่น พระอุโบสถหลังเก่าที่มีประวัติการสร้างมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 มีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ เหนือกรอบประตูและหน้าต่างทั้งสี่ด้าน บอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติยังมีงานจิตรกรรมฝาผนัง อีกแห่งภายในพระวิหารเล่าเรื่องทศชาติโดยมีชื่อแต่ละพระชาติกำกับคือ เตมีย์ชาดก มหาชนกชาดก สุวรรณสามชาดก เนมิราชชาดก มโหสถชาดก ภูมริทัตชาดก จันทกุมารชาดก พระพรหมนารทชาดก พระวิธูรชาดก และพระเวสสันดรชาดก จิตรกรรมทั้งสองแห่งอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์ โดยรูปแบบจิตรกรรมเป็นแบบ “หลวง” สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นภาพในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว-รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 3648 9593