กรณีที่ไฟแนนซ์จะสามารถยึดรถได้ ก็ต่อเมื่อผู้เป็นเจ้าของรถผิดนัดชำระหนี้ 3 เดือนขึ้นไป รวมเวลาก่อนเข้ายึดรถอีก 1 เดือน รวมเป็นค้างค่างวด 4 เดือน ไฟแนนซ์จึงจะสามารถขอรถคืนได้ และที่สำคัญคือ จะยึดรถได้ต้องมีคำสั่งศาลเท่านั้น ไม่มีสิทธิ์ใช้กำลังขู่บังคับเพื่อจะเอารถไปเด็ดขาด นอกเสียจากจะอ้างคำสั่งศาล เพราะคำสั่งศาลนั้นถือว่าทุกคนต้องปฏิบัติตาม หากศาลสั่งให้คืนรถ ลูกหนี้ก็ต้องคืนรถให้กับทางไฟแนนซ์ไป
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
แม้จะมีระเบียบปฏิบัติตามกฎหมายชัดเจน แต่ไฟแนนซ์หลายแห่งก็ยังใช้วิธีเดิมๆ คือตามยึดรถมาให้ได้ก่อนเรื่องยอดหนี้ค่อยมาเจรจากันทีหลัง ที่แย่กว่านั้นคือไปว่าจ้างคนอื่นให้ติดตามยึดรถมาส่งให้แทน ซึ่ง คนพวกนี้ร้อยทั้งร้อยสนใจอยู่แค่ยึดรถไป ให้ได้เพราะไม่เช่นนั้นก็จะไม่ได้ค่าจ้าง จนตามมาด้วยปัญหาทะเลาะวิวาทระหว่างลูกหนี้กับคนที่ไปตามยึดรถ ให้เป็นข่าวอยู่เนืองๆ
ตร.หาหลักฐาน
ย้อนไปเมื่อเย็นวันที่ 26 มี.ค. พ.ต.อ.รักศักดิ์ เมฆจินดา ผกก.สภ.เมืองลพบุรี พร้อมด้วย ร.ต.อ.สมัย จำปาทอง รองสารวัตรสอบสวน และเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.เมืองลพบุรี ไปตรวจสอบเหตุมีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บ บริเวณริมถนนด้านหลังสำนักงานประปาลพบุรี ซอยศรีสุริโยทัย 2 ต.ทะเลชุบศร อ.เมืองลพบุรี
ในที่เกิดเหตุพบรถกระบะนิสสัน นาวาร่า สีขาว ทะเบียน 2 ฒภ 6645 กรุงเทพมหานคร เป็นรถส่งน้ำดื่มถังจอดอยู่ มีคราบเลือดติด อยู่บันไดประตูด้านคนขับ ส่วนอีกคันเป็น รถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว เป็นรถตู้ทึบเพื่อส่งน้ำแข็ง
ขณะที่ผู้บาดเจ็บ 2 รายถูกนำส่งร.พ.พระนารายณ์มหาราช ทราบชื่อต่อมาคือ นายพีระพัฒน์ คำภูเวีย หรือ เอก อายุ 23 ปี ชาว ต.ท่าแค อ.เมืองลพบุรี และ นายธีรพันธ์ ทัตธนนท์นัทธ์ หรือ โต้ง อายุ 35 ปี ชาว ต.เขาพระงาม อ.เมืองลพบุรี ทั้ง 2 รายถูกยิง เข้ากลางหลัง กระสุนทะลุหน้าอก แต่นายธีรพันธ์เสียชีวิตในเวลา ต่อมา
นาทีเกิดเหตุ
ส่วนในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุน ขนาด 9 ม.ม.ตกอยู่ริมฟุตปาธ 2 ปลอก และพบคราบเลือดติดอยู่ที่กำแพงกับบนฟุตปาธ เบื้องต้นทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุได้ขับรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนหลบหนีไป
สอบสวนนายเอก (นามสมมติ) อายุ 45 ปี นายจ้างของผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย ให้การว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชายอายุ 50 ปี และอีกคนเป็นหญิง อายุประมาณ 40 ปี ซึ่งฝ่ายหญิงอ้างว่าเป็นพนักงานของบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง อ้างว่าติดตามรถคันดังกล่าวมาเพื่อยึดรถเนื่องจากค้างค่างวด โดยลูกน้องเล่าว่า ขณะขับรถกระบะมิตซูฯ ตระเวนส่งน้ำแข็งจู่ๆ ก็ถูกรถขับปาดหน้า ก่อนลงมาบอกว่าจะมายึดรถโดยที่ ไม่ได้มีบัตรประจำตัวหรือ ใบมอบอำนาจมาแสดง ทั้ง 2 คนจึงไม่ยอม เพราะไม่แน่ใจ รวมทั้งไม่สามารถตัดสินใจแทนได้เนื่องจากเป็นแค่พนักงานส่งของ แต่ชายที่มาพยายามที่จะดึงกุญแจรถไปและยังให้หญิงสาวขึ้นไปนั่งรอบนรถกระบะคันที่จะยึด
พยานเล่าเหตุการณ์
นายเอกเล่าเหตุการณ์ต่อว่า พอลูกน้องโทร.มาบอกตนก็รีบมาถึงจุดเกิดเหตุ พยายามพูดคุย เจรจาต่อรอง และขอให้ไป ส่งน้ำแข็งให้ลูกค้าที่บรรทุกมาเต็มคันรถก่อน เกรงน้ำแข็งจะละลายหมดและเสียลูกค้า แต่อีกฝ่ายไม่ยอม พยายามจะแย่งกุญแจรถ คืนให้ได้ ตนต่อรองอีกครั้งแต่ไม่เป็นผล จึงได้เข้าไปดึงตัวหญิงเพื่อให้ออกมาจากรถ ฝ่ายชายจึงเดินไปหยิบปืนจากในรถยิงใส่ กลุ่มตนมา 3 นัด ทำให้ถูกทั้ง 2 คนได้รับ บาดเจ็บสาหัส หลังก่อเหตุผู้ก่อเหตุทั้งคู่ก็ ขับรถหลบหนีไปอย่างใจเย็น
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการประสานจาก สภ.พระนครศรีอยุธยา ว่า นายสัญญา เสือน้อย อายุ 51 ปี ชาว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี มาขอเข้ามอบตัวพร้อมด้วยอาวุธปืน ขนาด 9 ม.ม.กระสุน 12 นัด แจ้งว่าก่อเหตุยิงผู้อื่นได้รับบาดเจ็บที่จ.ลพบุรี ตำรวจ สภ.เมืองลพบุรี จึงไปรับจากจ.พระนครศรีอยุธยา มาสอบสวนดำเนินคดี
นายสัญญาอ้างว่า ไม่ได้เป็นพนักงานไฟแนนซ์ มีเพียงเพื่อนสาวที่เป็นพนักงาน ส่วนสาเหตุในการยิงในครั้งนี้คาดมาจาก การที่เพื่อนสาวถูกกลุ่มผู้ตายและผู้บาดเจ็บลากตัวออกมาจากรถ จึงทำให้เกิดอารมณ์ ชั่ววูบไปคว้าปืนในรถมากระหน่ำยิง
คราบเลือดบนกำแพง
วันรุ่งขึ้นพนักงานสอบสวนได้เชิญตัว น.ส.สุรีย์วรรณ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี พนักงานติดตามทวงหนี้ บริษัทไฟแนนซ์ แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ที่ยึดรถมาสอบปากคำ โดยเจ้าตัวเปิดเผยว่า ตนเองและนายสัญญาถูก กลุ่มชายที่เป็นผู้ครอบครองรถทำร้ายก่อน ทำให้นายสัญญาต้องยิงเพื่อป้องกันตัว ซึ่งตนมีคลิปที่ถ่ายไว้ตลอด ซึ่งจะมอบให้ทนายเป็น ผู้ดำเนินการต่อไป และจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มเจ้าของรถที่มารุมทำร้ายตนอีกด้วย
จะเป็นการตามยึดรถโดยถูกต้องตามกฎหมาย หรือเป็นการยิงเพื่อป้องกันตัวตามที่อ้างหรือไม่ ที่เห็นอย่างชัดเจนคือความรุนแรงไม่เคยแก้ปัญหา ดีแต่พาสู่หายนะ
กฤษณ์ สนใจ
เรื่อง/ภาพ