เปิดพิกัด 3 แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดลพบุรี ที่จะพาทุกคนไปสัมผัสธรรมชาติ พักใจให้หายเหนื่อย ไปได้ง่าย ๆ ไม่ห่างไกลจากกรุงเทพฯมากนัก
ได้เวลาเที่ยวกันแล้ว! คงดีไม่น้อยถ้าเราได้พัก แล้วออกไป “ลพบุรี” กินลมชมวิว สัมผัสบรรยากาศสีเขียว แวะชมแสงพระอาทิตย์ยามเย็น เติมพลังชีวิตเพื่อกลับไปเริ่มต้นวันใหม่ หลังช่วงวันหยุดยาว
เมื่อพูดถึง “ลพบุรี” หรือหลายคนเรียก “เมืองลิง” เคยเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณหลายสมัย เดิมเรียก “ละโว้” ทำให้เมืองนี้เต็มไปด้วยโบราณสถานมากมาย
3 จุดเช็กอินสุดคูลจาก “สระบุรี” เที่ยวใกล้กรุงเทพ เที่ยวเพลินไม่ซ้ำใคร
จุดเช็กอิน “เบตง” แหล่งท่องเที่ยวสุด Unseen สัมผัสทะเลหมอก “อัยเยอร์เวง”
วัลลภาฟาร์มสเตย์
แต่ลพบุรีไม่ได้มีดีเพียงเมือประวัติศาสตร์ ยังมีจุดท่องเที่ยวอื่นที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ทีมข่าวนิวมีเดียพีพีทีวีได้รวบรวมมา มีพิกัดที่น่าแวะไปเยี่ยมชมดังนี้
วัลลภาฟาร์มสเตย์
จากคอกม้ากลายเป็นฟาร์มเสตย์ ที่นี่คือ “วัลลภาฟาร์มสเตย์” ที่นายศราวุธ ค้าขาย เจ้าของ ต่อยอดมาจากกิจการครอบครัวเพื่อหวังทำให้เป็นสถานที่ฝึกม้า
แต่เมื่อมีผู้สนใจจำนวนมาก เขาก็เลยขยับขยาย โดยการสร้างที่พักเพิ่มเติม และพัฒนากิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์มีสาระควบคู่ไปกับความบันเทิง อาทิ เรียนจูงม้า ขี่ม้า ทำไข่เค็มดินสอพอง ทดลองดำนาในแปลงนาสาธิต หรือ การทำดินเผา เอาไว้สำหรับเด็กและผู้ปกครองที่นำลูกหลานมาเรียนขี่ม้า และเป็นที่มาของการจัดทำโปรแกรมการสอนสำหรับกลุ่มเด็กพิเศษแยกต่างหากจากกลุ่มปกติ หรือที่เรียกว่า “อาชาบำบัด” ด้วย
โดย ฟาร์มเสตย์แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมืองลพบุรี ห่างจากตัวเมืองลพบุรีไปประมาณ 15 กิโลเมตรเท่านั้น สำหรับนักเดินทาง ที่ขับรถมาเยือนที่นี่แล้ว ก็สามารถเลือกทำกิจกรรมได้ตามความสนใจมากมาย เพราะจะมีเจ้าหน้าที่คอยอยู่ประจำฐานกิจกรรมต่าง ๆ โดยรอบตลอด ที่สำคัญยังไม่มีจำกัดเวลาอีกด้วย เพียงแต่สถานที่แห่งนี้จะเปิดให้ทำกิจกรรมถึง 18.00 น. เท่านั้น
นอกจากนี้ ยังสามารถสั่งเมนูอาหารและเครื่องดื่มมาเสิร์ฟทานคู่กันไปได้อีก ก็จะได้สัมผัสบรรยากาศ “กินข้าวเคล้า วิวทุ่งนา” ไปอีกแบบ โดยเมนูอาหารจะมีให้เลือกมากมาย เช่น ปลาทับทิมนึงมะนาว หมึก-กุ้งทอดกระเทียม ผัดผักรวมมิตร ชุดน้ำพริกปลาช่อนนา และ ต้มยำรวมมิตร
เรียกได้ว่า แค่นึกถึงบรรยากาศและกลิ่นอาหารที่หอมหวลเข้ามาแบบนี้แล้ว ในช่วงวันหยุดพักผ่อนของเราไม่ไปที่นี่ คงไม่ได้แล้ว
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นเขื่อนแกนดินเหนียวที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ด้วยความยาวทั้งสิ้น 4, 860 เมตร โดยสร้างขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในฤดูน้ำหลากและปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูร้อน
เขื่อนแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่บ้านแก่งเสือเต้น ตำบลหนองบัว นอกจากจะเป็นสถานที่กักเก็บน้ำแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดลพบุรีอีกด้วย โดยไฮไลต์ของการมาเที่ยวที่นี่ คือ การนั่งรถรางไปตามแนวสันเขื่อนด้วยระยะทางไป-กลับกว่า 10 กิโลเมตร ซึ่งนักเดินทางจะสามารถสัมผัสกับลมเย็นสบาย พร้อมกับได้ชมทัศนียภาพที่สวยงามบริเวณอ่างเก็บน้ำได้ ซึ่งกิจกรรมนี้จะมีเฉพาะวันหยุดเท่านั้น
แต่หากมาเยือนในวันธรรมดา ก็สามารถขึ้นไปยังชั้นบนสุดของ “หอคอยเฉลิมพระเกียรติ” เพื่อชมวิวสวย ๆ ของเมืองลพบุรีได้รอบทิศแบบ 360 องศาเลยทีเดียว หรือจะแวะไปชม “พิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสัก” ซึ่งจัดแสดงความรู้ด้านธรรมชาติและวัฒนธรรมของท้องถิ่นก็ยังได้
ไม่เพียงเท่านั้น บริเวณเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังมีอีกสถานหนึ่งสถานที่สุดอันซีน (UNSEEN) ที่ทุกคนสามารถมาเยี่ยมชมได้ในช่วงที่น้ำลดเท่านัน นั่นคือ “สะพานผุด” ซึ่งถูกสร้างมาแล้วกว่า 30 ปี ก่อนที่จะมีการสร้างเขื่อน โดยคาดว่าน่าจะพื้นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านในสมัยก่อน แต่ด้วยความที่สะพานแห่งนี้จะโผล่เฉพาะช่วงน้ำลดเท่านั้น จึงกลายเป็นอีกหนึ่งอันซีนของจังหวัดในตอนนี้
แนะนำว่า ให้ไปเที่ยวกันในช่วงพระอาทิตย์ตก จะได้เห็นแสงตะวันลับขอบฟ้าจากบนสะพานได้อย่างสวยงาม โดยสามารถติดต่อขึ้นเรือที่ท่าเรือมะนาวหวาน จะมีชาวบ้านคอยให้บริการขับเรือไป-กลับประมาณ 500 บาท
เขาพระยาเดินธง
จุดชมวิวทะเลหมอก ดื่มด่ำกับแสงพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า หรือแสงพระอาทิตย์บนดินที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของประเทศ คงพลาดไม่ได้ที่จะนึกถึง “เขาพระยาเดินธง” ตั้งอยู่ในอำเภอพัฒนานิคม ภายในพื้นที่ของวัดหนองนา ซึ่งเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และเป็นสถานที่สามารถเดินทางมาได้สะดวกมาก เพราะมีถนนเป็นเส้นทางราดยางยาวไปถึงจุดชมวิว แค่จอดรถหน้าจุดชมวิว เดินไม่กี่ก้าวก็ได้เห็นวิวของเมืองลพบุรี และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์แล้ว
จุดชมวิวแห่งนี้ สามารถขึ้นมาได้ตลอดทั้งวัน แต่หากอยากได้วิวสวย ๆ แนะนำให้มาประมาณ 6.30 หรือ 18.30 น. บริเวณจุดชมวิวจะมีก้อนหินริมผาที่ยื่นออกไปให้ชมวิวหลายจุด เราสามารถเลือกไปยืนหรือนั่งชมตรงจุดไหนก็ได้ เพราะสวยทุกมุมจริง ๆ
จากนั้น อย่าลืมเดินเข้าไปยังพื้นที่ภายในวัด เพราะยังมีจุดชมวิวให้ชมอีกหลายจุดเช่นกัน โดยตลอดเส้นทางชมวิวจะมีก้อนหินที่เรียงรายไปตลอดแนว ให้เราสามารถเดินผ่านหินแต่ละก้อนไปชมได้ตามปกติ ที่สำคัญบอกได้เลยว่าก้อนหินในที่แห่งนี้นั้น มั่นคงแข็งแรงมาก เพราะผู้ดูแลสถานที่ ยืนยันว่า ยังไม่เคยมีหินก้อนไหนและนักท่องเที่ยวคนใดที่ตกลงไปมาก่อน
นอกจากนี้ บริเวณจุดชมวิวภายในวัด ยังมีศาลาเล็ก ๆ ที่ประดิษฐานพระพุทธรูป และหลวงปู่หิน อาโสโก เกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านคาถาอาคม ที่ชาวบ้านร่ำลือกันทั่วไปว่า “หลวงปู่หินย่นระยะทางได้” เพราะเคยมีคนพบเห็นหลวงปู่เดินทางไปอย่างรวดเร็วเกินที่คนธรรมดาจะเดินขึ้นลงได้
เมืองลพบุรี เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีสถานที่สวยงามมากมายไม่แพ้ที่ใดในประเทศไทย เส้นทางก็ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก ไม่เกิน 200 กิโลเมตรเท่านั้น ใครที่กำลังมองหาที่พักผ่อนหย่อนใจ แม้มีเวลาแค่ 1 วัน ลพบุรีนับว่าเป็นจังหวัดที่พลาดไม่ได้ที่จะต้องไปเที่ยว ไปถ่ายภาพ เก็บความทรงจำดี ๆ กัน
อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline